NFT Art เริ่มต้นอย่างไร ทำไมถึงได้รับความนิยม พร้อมเคล็ดลับสำหรับผู้เริ่มต้นลงทุน NFT

พ.ค. 29, 2022 | บทความทั่วไป, สาระน่ารู้

ในยุคที่ดิจิทัลก้าวหน้าไปอีกขั้นทำให้ผลงานศิลปะ NFT เป็นอีกหนึ่งกระแสที่ถูกพูดถึงไม่น้อยในช่วงที่มีการเติบโตของ Cryptocurrency ที่สามารถขายผลงานออนไลน์ในรูปแบบโทเค็น (Token) ซึ่งด้วยกระแสที่ค่อนข้างร้อนแรง หลายคนจึงเริ่มสงสัยว่าเป็นเพียงแค่สินทรัพย์ที่ปั่นราคาหรือไม่ วันนี้เราจึงจะพาคุณผู้อ่านไปทำความเข้าใจว่า NFT Art คืออะไร มีกี่ประเภท พร้อมเคล็ดลับสำหรับผู้สนใจเริ่มต้น NFT Art 

รู้จักข้อดีข้อเสียของ NFT Art 

คงจะพอทราบกันไปแล้วว่า NFT เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลรูปแบบหนึ่งที่กำลังมาแรงซึ่งมีข้อดีและข้อเสียอย่างไรบ้าง มาติดตามกัน 

ข้อดี: เปิดโอกาสให้คนทั่วไปที่มีความชื่นชอบในผลงานศิลปะสามารถสร้างรายได้ผ่าน NFT ได้, แพลตฟอร์มสำหรับซื้อขายในปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลาย, สามารถตั้งราคาขายได้ทั้งราคาป้ายและการประมูล, ระบบส่วนใหญ่ค่อนข้างมีความปลอดภัย, ไม่ต้องไปจัดแสดงงานนิทรรศการ หรือออกงานต่าง ๆ เพียงแค่อัพโหลดไฟล์ก็สามารถสร้างรายได้โดยไม่ต้องลงทุน 

ข้อเสีย: มีค่าแก๊ส (ค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย) ค่อนข้างสูง, สภาพคล่องในการซื้อขาย NFT ค่อนข้างต่ำจึงควรระมัดระวังสำหรับคนที่ต้องการซื้อเพื่อเกร็งกำไร, ตลาดมีความผันผวนสูงเนื่องจากมีการซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมง, โปรเจคต่าง ๆ อาจถูกยกเลิกกลางคันเมื่อไหร่ก็ได้ รวมถึงสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของและปัญหาเรื่องการขโมยลิขสิทธิ์ก็ยังมีให้พบเห็นอยู่เป็นประจำ 

NFT จึงเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่น่าสนใจแต่ควรทำการศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขต่าง ๆ ก่อนลงทุนเพื่อประโยชน์และความคุ้มค่าแก่ผู้ลงทุน 

NFT ART เริ่มต้นลงทุนอย่างไร 

ทราบกันไปแล้วว่า ภาพ NFT คืออะไรซึ่งจริง ๆ แล้วจะศัพท์อีกหนึ่งคำที่หลายคนคุ้นหู Crypto Art คือสินทรัพย์ดิจิทัลเช่นเดียวกับ NFT เพียงแค่เป็นกลุ่มย่อยที่อยู่ NFT ซึ่งจะเกี่ยวข้องงานศิลปะเป็นหลักซึ่งเราจะกล่าวต่อเป็นลำดับถัดไปว่า NFT Art เริ่มต้นลงทุนอย่างไร 

สำหรับการเริ่มต้นลงทุน NFT Art คือการศึกษาแพลตฟอร์มซื้อขาย NFT โดยได้คัดเลือก 4 Marketplace ยอดฮิตที่จะมาเทียบให้เห็นความแตกต่างว่าแต่ละช่องทางมีจุดเด่นและต่างกันอย่างไร 

ตารางเปรียบเทียบ NFT Marketplace ยอดฮิต 

Foundation.appOpenSeaCrypto.comHEN
ปีที่ก่อตั้ง2020201720162021
BlockchainEthereumEthereumCrypto.org ChainTezos
ส่วนแบ่งตลาด<1%97%<1%<1%
สกุลเงินที่รองรับETHETH22 สกุล*TEZ
ค่าธรรมเนียม15%2.5%1.99%2.5%
ค่าแก๊สจ่ายก่อนทุกชิ้นจ่ายครั้งเดียวตอนเข้าไม่มี< 1 USD
ข้อควรรู้สไตล์การประมูลราคาสูงซึ่งงานจะลงทีละชิ้นแนวคอลเลกชันขายถูก แต่เน้นปริมาณ ต้นทุนขายถูกราคาเลยถูกตามจึงขายได้ง่ายกว่าเป็นที่นิยมในคอมมูนิตี้ศิลปินราคาถูกเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
The Creator/Project Nyan Cat, James Jean, WLOPBored Ape Yacth Club, CryptoPunksSnoop Doggm, Aston Martin  Alex Konstad, John Karel

หมายเหตุ: สกุลเงินที่รองรับ ได้แก่ CPO, USDC, TUSD, USDT, BTC, ETH, AAVE, BAL, COMP, CRV, DOGE, ENJ, KNC, LINK, LRC, LTC, MRC, REN, SNX, UNI, WBTC, XRP, YFI, SHIB

ขอบคุณข้อมูลจาก https://thestandard.co/nft-marketplace/ 

โดยทั้ง 4 NFT Marketplace จะมีจุดเด่นในแต่ละด้านต่างกัน เช่น ส่วนแบ่งทางการตลาดที่ OpenSea จะมีเปอร์เซ็นต์สูงที่สุด หรือระบบบล็อกเชนอย่าง Foundation.app และ OpenSea ที่ใช้ระบบเดียวกัน (Ethereum) เช่นเดียวกับสกุลเงินที่รองรับ ส่วนความต่างที่เห็นได้ชัดคือเรื่องค่าธรรมเนียมที่เริ่มต้นต่ำสุดเพียง 1.99 – 15% และข้อควรรู้เกี่ยวกับแนวทางการขายที่ค่อนข้างแตกต่างกัน

ตัวอย่างการสร้าง NFT Art บน OpenSea 

สำหรับผู้ที่ต้องการเปิดผ่าน Opensea สิ่งแรกที่ต้องมีคือ กระเป๋า Wallet Etheream เพื่อใช้เป็นสกุลเงินในการซื้อขายซึ่งสามารถสมัครผ่านเว็บไซต์ OpenSea.io ซึ่งให้ผูกบัญชีเชื่อมกับการให้ใส่ที่อยู่ของ Wallet Etheream ของเรา 

เมื่อสมัครเสร็จแล้วให้ไปที่ Create เพื่ออัพโหลดผลงานขึ้นสู่หน้าเว็บไซต์ (คุณภาพและความละเอียดขึ้นอยู่กับเว็บไซต์กำหนด) ถ้าหากผลงานถูกใจเกิดการซื้อขายผ่าน Wallet Etheream ซึ่งเหรียญจะถูกโอนเข้ากระเป๋าของเราโดยตรงและจะโดนหักค่าคอมมิชชั่นอยู่ที่ประมาณ 2.5% จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม OpenSea จึงเป็นอีกหนึ่งเว็บไซต์ซื้อขาย NFT Art ที่ค่อนข้างได้รับความนิยม 

นอกจาก OpenSea ก็มีอีกหลายเว็บไซต์ที่มีการเปิดให้ซื้อขาย NFT อาทิ Nifty Gateway, Binance.com, Foundation, Superrare, Async, Mintable, Makersplace และ knownorigin ที่มีขั้นตอนและวิธีการสร้าง NFT คล้ายคลึงกับ OpenSea แต่จะมีความแตกต่างในเรื่องของสุกลเงิน การรองรับระบบ Blockchain ค่าแก๊ส ค่าธรรมเนียมและฟังก์ชันต่าง ๆ ที่อาจแตกต่างกันออกไป 

5 ตัวอย่างผลงาน NFT ในประเทศไทย  

ก่อนจะไปพบกับตัวอย่างผลงาน ขออธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขายรูป NFT คือ การนำผลงานศิลปะมาอัปโหลดผ่านแพลตฟอร์มซื้อขาย อาทิเช่น OpenSea, Foundation.app, Crypto.com, Binance NFT, HEN, Ripple ซึ่งสามารถตั้งขายตามราคาป้ายที่ต้องการ หรืออาจจะตั้งขายเป็นแบบประมูลเพื่อรอผู้ซื้อมาบิดแข่งขันราคาตามช่วงเวลาที่กำหนดซึ่งหากใครบิดราคาสูงสุดก็จะเป็นผู้ชนะได้รับชิ้นงานไป ส่วนศิลปิน ครีเอเตอร์ หรือแบรนด์หลังเสร็จสิ้นการซื้อขายก็รอเพียงการทำธุรกรรมจากแพลตฟอร์มโอนเข้าบัญชี 

5 ผลงาน NFT โดยคนไทย 

  1. Ape Kids Club (1,000 ล้านบาท) โดย Kun Vic ภายใต้แนวคิด Ape Kids Club 10,000 ชิ้น จับมือกับ Bored Ape Yacht Club
  1. Gangster All Star (4.7 ล้านบาท) โดย The Duang ภายใต้แนวคิด NFT Collection การ์ดตัวละครหัวหน้ามาเฟียและลูกน้องในแก๊งและมีคาแรกเตอร์สายบู๊แตกต่างกันออกไป
  1. The Invitation (1.1 ล้านบาท) โดย IPUTSA ภายใต้แนวคิดเกี่ยวกับตัวศิลปินและกระแสคริปโตที่เพิ่มกิมมิคของความละเอียดและความหมายของสัญลักษณ์ต่าง ๆ 
  1. CryptoFriends (2.8 แสนบาท) โดย BleBle158 ภายใต้แนวคิดที่เปรียบเสมือนโลกแห่งความจริงกับความฝันเพื่อสื่อถึงความไร้ขอบเขตของเทคโนโลยีคริปโตเคอร์เรนซี
  1. Reject humanity return to monkey (1.7 แสนบาท) โดย โบว์ ปัณฑิตา ภายใต้แนวคิดละทิ้งความเป็นมนุษย์หวนคืนสู่วานร เป็นภาพวาดสีน้ำมันแนวแฟนตาซีที่ได้รับการจับตามองจากนักสะสม

จากแนวคิดของศิลปินสู่การถ่ายทอดผลงานศิลปะออกมาในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งช่วยยกระดับคุณค่างานฝีมือของคนไทยเองที่สะท้อนให้เห็นแล้วว่า คนไทยก็มีศักยภาพในการสร้างสรรค์งานศิลปะซึ่งไม่ต้องรอรับการสนับสนุนเช่นในอดีต แต่ในปัจจุบันเปิดโอกาสให้ผู้คนที่มีความสามารถได้เข้าสู่วงการและเฉิดฉายไดง่ายมากขึ้น 

งานศิลปะ NFT จึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่สามารถสร้างรายได้ให้แก่ศิลปิน ครีเอเตอร์และแบรนด์ต่าง ๆ ที่มีความชื่นชอบและหลงใหลในงานศิลปะผ่านการออกแบบและเสอนขายภาพ NFT ซึ่งรอเพียงคนเข้ามาสนใจและตัดสินใจซื้อขายเพียงเท่านี้ก็รอรับเงินเข้ากระเป๋าตังดิจิทัล แต่อย่างไรก็ควรศึกษาเงื่อนไขและบริการในแต่ละแพลตฟอร์มอย่าถี่ถ้วนเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้สร้างและผู้ซื้อ